วันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2555

แจงเหตุนายกไม่ลงใต้ รู้ตัวกลุ่มคาร์บอมบ์แล้ว ยกเครื่องหน่วยข่าวกรอง





แจงเหตุนายกฯไม่ลงใต้ หวั่นเจ้าหน้าที่ทำงานลำบาก ติงมาร์คอย่าฉวยโอกาสซ้ำเติม เผยรู้ตัวกลุ่มคาร์บอมบ์แล้ว ยงยุทธยกเครื่องหน่วยข่าวกรอง
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันนี้ (1 เม.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังกล่าวให้โอวาทและแสดงความยินดีกับข้าราชพลเรือนดีเด่นประจำปี 2554 ด้วยสีหน้าค่อนข้างเคร่งเครียดถึงความคืบหน้าเหตุกความไม่สงบในพื้นที่ จ.ยะลา และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า มีความคืบหน้าบ้าง โดยวันนี้พอจะรู้กลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว แต่ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้ทำงานกันก่อน ซึ่งในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้   พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี จะเรียกประชุมหน่วยข่าวกรองเพื่อดูข้อมูลทั้งหมด อย่างไรก็ตามเบื้องต้นตนได้สั่งการให้ ผบ.ตร.ลงพื้นที่ไปดูสถานที่เกิดเหตุทั้งหมดทุกจุดตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 มี.ค.โดยจะทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด และได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติในการเพิ่มกำลังตามพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่สาธารณะ เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชน และบูรณาการร่วมกับกำลังของกองทัพที่จะส่งรอง ผบ.ทบ.ลงไปในพื้นที่เพื่อช่วยกันบูรณาการทำงานร่วมกับทาง ศอ.บต. ทั้งการค้นหาข้อเท็จจริง และหาตัวผู้ไม่ประสงค์ดีที่ก่อเหตุ รวมถึงหาแผนและมาตรการในการป้องกันด้วย
“รัฐบาลต้องขอแสดงความเสียใจกับผู้บาดเจ็บ และญาติผู้เสียชีวิตด้วย ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย  และ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  จะลงพื้นที่เพื่อเยียวยาช่วยเหลือผู้ป่วยและผู้ที่เสียชีวิต” นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อถามว่าได้ประเมินสถานการณ์หรือไม่ว่าสาเหตุที่มีการก่อเหตุรุนแรงถี่ขึ้นในช่วงนี้เป็นเพราะอะไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า  เราพอจะทราบคร่าวๆ และพอทราบกลุ่มผู้ก่อเหตุด้วย แต่ยังขอไม่เปิดเผยข้อมูล ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำงานอย่างใกล้ชิดก่อนเพื่อให้ได้ตัวผู้ก่อเหตุมา เมื่อถามว่าเกิดจากปัญหาภายในประเทศเราเอง ไม่เกี่ยวกับต่างชาติเข้ามาร่วมขบวนการใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ไปถึงระดับนั้น ทั้งนี้ตนขอยังไม่ให้ข้อมูล เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานได้สะดวกรวดเร็วขึ้น อย่างไรก็ตามผู้ก่อเหตุไม่ใช่กลุ่มใหญ่มาก ซึ่งเราคงต้องทำ 2 แนวทางคือสืบหาสาเหตุที่ชัดเจน และหาตัวผู้ก่อความไม่สงบ รวมทั้งหามาตรการป้องกันให้ประชาชนได้รับความปลอดภัย โดยจะเสริมกำลังทั้งในส่วนของตำรวจ และหน่วยอื่นลงไปเพิ่มเติม รวมทั้งบูรณาการกำลังกับกองทัพด้วย
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ด้วยตัวเองเพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า “เรียนว่าอยากไป แต่ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจลงไปตอนนี้ เพราะวันนี้กำลังเรามีจำกัดจริง ๆ เพราะต้องกระจายไปหลายจังหวัด ถ้าดิฉันลงไปก็จะต้องแบ่งเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งไปดูแลความปลอดภัย แล้วเราจะทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานลำบากขึ้น จึงคิดว่าเราอยู่บัญชาการและประสานงานตรงนี้ดีกว่า แต่เบื้องต้นการดูแลเยียวยาได้ติดตามตลอด ผู้ป่วยได้เข้ารักการรักษาที่โรงพยาบาล และบางส่วนก็ได้กลับไปแล้ว นอกจากนี้ได้สั่งการกระทรวงสาธารณสุข ให้ทีมแพทย์ฉุกเฉินลงไปทำงานแล้ว”
ที่กระทรวงมหาดไทย  นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ในเรื่องสถานการณ์ความไม่สงบภาคใต้ ว่า เรื่องนี้ต้องแยกเป็น 2 ส่วนคือ ในส่วนของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ที่ดูในเรื่องความสงบเรียบร้อย ต้องไปถามรายละเอียดกับกอ.รมน. และในส่วนของตนนั้นรับผิดชอบ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต).ซึ่งจะเป็นในส่วนของการพัฒนา ซึ่งในส่วนของตนนั้นอาจจะมีข้อมูลที่อาจจะไม่ตรงกับกอรมน.จึงยังไม่อยากจะพูดไป เพราะอาจไม่ชัดเจนเท่ากับข้อมูลของกอ.รมน.ที่จะมีข้อมูลที่ลึกกว่า  อย่างไรก็ตามเบื้องต้นทางศอ.บต. ก็ได้สรุปข้อมูลเบื้องต้นมาตามที่สื่อทราบ ทั้งนี้กรณีดังกล่าวนายกรัฐมนตรีก็ได้กำชับให้สภาความั่นคง กอ.รมน.และศอ.บต.ประชุมกันก่อนแล้วมาคุยกันอีกครั้ง ว่าจะต้องมีการปรับเปลี่ยนหรือดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งนายกฯเองก็ห่วงเรื่องนี้เช่นกันก็และอาจจะมีการเรียกประชุมก่อนที่จะเดินทางไปต่างประเทศน่าจะเป็นที่ทำเนียบในวันนี้ก็ได้
เมื่อถามว่า ขณะนี้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นก็เริ่มที่จะรุนแรงมากขึ้นและเน้นไปยังกลุ่มผู้บริสุทธิ์มากขึ้น ได้มีการเน้นยำกับเจ้าหน้าที่อย่างไร นายยงยุทธ กล่าวว่า เหตุการณ์ภาคใต้ก็เหมือนคลื่น บางที่ก็ขึ้นสูง บางทีก็ลงมา เป็นธรรมชาติของทะเล เป็นธรรมชาติของภาคใต้ มีทางเดียวการข่าวต้องละเอียดและต้องทั่วถึงมากกว่านี้ นอกจากนั้นก็ต้องป้องกัน แต่โดยสรุปคงต้องใช้แนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือการเข้าใจ เข้าถึงพัฒนา ซึ่งต้องจริงจังถ้ามีการจริงจังก็คงแก้ปัญหาไปได้เยอะ ซึ่งศอ.บต.จะทำในส่วนการเข้าใจเข้าถึงพัฒนา โดยศอ.บต.เราต้องทำในส่วนนี้ โดยเลขาธิการศอ.บต.ก็เข้าใจดี โดยจะลงลึกในเรื่องนี้ต่อไป .
ทางด้าน นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยเตรียมที่จะเดินทางไปร่วมฉลองเทศกาลสงกรานต์กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและกัมพูชาว่า  ขณะนี้ประชาชนมีความลำบากในหลายเรื่อง จึงอยากให้พรรคเพื่อไทยมาสนใจในเรื่องเหล่านี้มากกว่าการหมกมุ่นที่จะเดินทางไปร่วมงานเทศกาลสงกรานต์กับพ.ต.ท.ทักษิณ
ขณะเดียวกัน นายอภิสิทธิ์  เดินทางไปยัง อ.หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา  พร้อมด้วยนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเยี่ยมประชาชนที่ประสบเหตุคาร์บอมม์ พร้อมทั้งแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสีย และเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ
โดยก่อนเดินทางได้ระบุว่า ขอเป็นกำลังใจให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ ขณะเดียวกันก็เป็นห่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะขณะนี้ดูเหมือนมีพัฒนาการไป จึงอยากให้รัฐบาลเอาใจใส่และตั้งหลักในนโยบายการแก้ไขปัญหาภาคใต้ให้ดี ซึ่งที่ผ่านมาฝ่ายค้านพยายามแสดงความคิดเห็นในทางที่จะให้รัฐบาลสานต่อนโยบายจากรัฐบาลที่แล้ว และเมื่อเกิดเหตุเช่นนี้ รัฐบาลควรต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกันทั้งที่ยะลาและสงขลา น่าจะเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกัน และแสดงให้เห็นว่าจะต้องมีมาตรการเพิ่มเติม โดยเฉพาะในเขตเมืองที่จะต้องมีความรัดกุมในเรื่องของความปลอดภัย
นายอนุสรณ์  เอี่ยมสะอาด รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุคาร์บอมบ์ ที่หน้าโรงแรมลี การ์เดน ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ว่า ขณะนี้การทำงานของเจ้าหน้าที่มีความคืบหน้าไปพอสมควร ซึ่งพล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ก็ได้ลงพื้นที่ไปแล้วเมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อดูสถานที่เกิดเหตุทั้งหมด อีกทั้งในบ่ายวันนี้(1 เม.ย.) นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะลงพื้นที่เพื่อเยียวยาช่วยเหลือผู้ป่วยและผู้เสียชีวิต ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นั้นก็อยากไปลงพื้นที่นี้เช่นกัน แต่นายกฯเกรงว่าถ้าลงไปจะต้องแบ่งเจ้าหน้าที่จำนวนมากมาดูแลความปลอดภัย ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานลำบากขึ้น
 
นายอนุสรณ์ ยังกล่าวถึงการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไปเยี่ยมประชาชนที่ประสบเหตุการณ์นี้ ว่า นายอภิสิทธิ์ สามารถเดินทางไปเยี่ยมประชาชนได้ แต่นายอภิสิทธิ์ ต้องระมัดระวังว่าการเข้าไปในพื้นที่ในสถานการณ์ขณะนี้ อาจเป็นการไปแทรกแซงหรือเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ รวมถึงไม่ควรฉกฉวยจังหวะนี้ในการวิพากษ์รัฐบาลหรือซ้ำเติมสถานการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกมาพูดเสนอแนะแบบรู้ทุกเรื่อง เพราะถ้านายอภิสิทธิ์รู้จริง มีความสามารถ ก็ต้องแก้ปัญหานี้ได้ตั้งแต่สมัยรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์แล้ว

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น