วันเสาร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2555

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทอดพระเนตรจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม






พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมแด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงทอดพระเนตรจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ และสักการะพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง
เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2555 เวลา 17.20 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินออกจากที่ประทับชั้น 16 พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช โดยรถเข็ญพระที่นั่ง การนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ ศ.คลินิก นพ.ดิเรก จุลชาต เป็นผู้ถวายการเข็นรถพระที่นั่ง พร้อมคณะแพทย์พยาบาลตามเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอยู่ในฉลองพระองค์สูทสีน้ำเงินสดทับเชิ้ตสีฟ้าลายจุด พระสนับเพลาสีดำ ฉลองพระบาทสีดำ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ฉลองพระองค์ลายดอกไม้หลากสี พระสนับเพลาสีเหลืองสด ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงประทับรถยนต์พระที่นั่งจากอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช
 
ต่อมา เมื่อเวลา 17.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ ยังพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวังทางประตูศรีรัตน์  ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แล้วทรงนำทอดพระเนตรและถวายการบรรยายภาพจิตรกรรมฝาผนังไทยเรื่องรามเกียรติ์ จำนวน 178 ห้อง โดยรอบพระระเบียง ปกติภาพจิตรกรรมฝาผนังของไทยส่วนมากมักเป็นพุทธประวัติหรือทศชาติชาดก ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชาติปางก่อนของพระพุทธเจ้า ก่อนที่จะเสวยชาติเป็นกษัตริย์และเสด็จออกผนวชจนตรัสรู้ ซึ่งการเขียนเรื่องราวดังกล่าวมักจะเขียนเป็นพุทธบูชา หรือให้ชาวพุทธทราบความเป็นมาของพระศาสดา
 
สำหรับภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ตั้งแต่ต้นจนจบได้เขียนเรียงร้อยต่อกันตลอดฝาผนังทั้ง 4 ทิศ  จำนวน 178 ห้องและแต่ละห้อง จะมีโคลงสี่สุภาพจารึกบนแผ่นศิลาตามเสาอธิบายภาพประกอบ มีโคลง 4,984 บท นับว่าเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ยาวที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังมีโคลงเล่าเรื่องเป็นคำกลอน และโครงที่เสาแต่ละต้น รวมทั้งมีภาพซึ่งเป็นเกร็ดแทรกของเรื่อง เช่น นารายณ์อวตาร / นารายณ์อิศวร กำเนิดพาลี และยังมีภาพยักษ์ เช่น กุมภกรรณ ทศคีริธัน ทศคิรีธร ตามประตูทางเข้าทั้ง 7 ประตูด้วย
 
จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินขึ้นสู่พระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชา พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระสัมพุทธพรรณี พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระพุทธเลิศหล้านภาลัย พร้อมกับทอดพระเนตรความงดงามภายในพระอุโบสถ ซึ่งประดับตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามตั้งแต่เพดานถึงพื้นกลางห้อง นอกจากนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรดกในบุษบกทองคำ พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองปางสมาธิ แกะสลักด้วยหยกมณีสีเขียวเนื้อเดียวกันทั้งองค์ หน้าตักกว้าง 48.3 เซนติเมตร สูงตั้งแต่ฐานถึงยอดพระเศียร 66 เซนติเมตร และพระพุทธรูปที่สำคัญอีกจำนวนมาก
 
สำหรับภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติในวัดพระศรีรัตนศาสดารามแห่งนี้ เป็นเรื่องราวรามเกียรติ มีเค้าโครงเรื่องราวเดิมจากรามายณะอันเป็นวรรณคดีเก่าแก่ของอินเดีย เขียนครั้งแรกในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3  เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และ สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุระสิงหนาถที่ทั้งสองพระองค์ทรงทำศึกต่อสู้กับพม่า เมื่อเริ่มสถาปนากรุงเทพมหานครขึ้นเป็นราชธานีใหม่ และสงครามครั้งใหญ่ๆ ที่ทรงเอาชนะได้ด้วยพระปรีชาสามารถ และความกล้าหาญ เช่น สงครามเก้าทัพที่ทุ่งลาดหญ้า ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ซ่อมแซมขึ้นใหม่ เนื่องจากภาพจิตรกรรมฝาผนังบางส่วนเริ่มชำรุด และซ่อมใหญ่อีกครั้งในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และเพื่อเป็นการรักษางานจิตรกรรมฝาผนังไม่ให้สูญหาย กรมศิลปากรจึงได้ทำการซ่อมครั้งใหญ่อีกครั้งเมื่อปี 2514 ตามหลักวิชาการสมัยใหม่เพื่อให้ภาพจิตรกรรมดังกล่าวคงทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศไปอีกยาวนานและงดงามเป็นเอกลักษณ์ของภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบเก่าของไทยไว้ดังเดิม
 
ในปี 2523 ก่อนจะมีการสมโภชพระนครครบ 200 ปี  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงให้มีการบูรณะปฎิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดารามและพระบรมมหาราชวัง โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นแม่กองอำนวยการในโครงการบูรณะปฏิสังขรณ์ เพื่อให้มีความสวยงาม แข็งแรง และอนุรักษ์แบบแผนประเพณีไทยไว้ให้เป็นมรดกของชาติ ซึ่งทรงเป็นสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงพระองค์แรกแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ที่ทรงรับพระราชกิจอันยิ่งใหญ่นี้
 
ในขณะเสด็จฯพระราชดำเนินพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระพักตร์ที่สดใส แย้มพระโอษฐ์ให้แก่พสกนิกร ประชาชนต่างกู่ร้อง ทรงพระเจริญดังกึกก้องทั่วทั้งโรงพยาบาลศิริราช ประชาชนที่ต่างพร้อมใจกันเพื่อมารอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับเสด็จฯ อย่างเนืองแน่น
 
บรรยากาศบริเวณโดยรอบโรงพยาบาลศิริราช และเส้นทางที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิน มีประชาชนจากทั่วสารทิศต่างพร้อมใจกันคอยต้อนรับเสด็จฯ กันอย่างเนืองแน่น ประชาชนต่างกู่ร้องทรงพระเจริญ ดังกึกก้องไปทั่วโรงพยาบาล พระองค์ทรงแย้มพระโอษฐ์และมีพระพักตร์สดใส

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น