วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”เสด็จพระราชพิธีฉัตรมงคล





เมื่อเวลา 10.20 น.วันนี้ (5 พ.ค.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินจากที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช โดยรถเข็นพระที่นั่ง พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์

ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงอยู่ในฉลองพระองค์ขาวจักรี ทรงมีพระพักตร์ที่สดใส ทรงโบกพระหัตถ์ให้กับพสกนิกรที่มารอรับเสด็จฯ พสกนิกรต่างพร้อมใจเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ดังไปทั่วบริเวณ จากนั้นเสด็จฯ ขึ้นรถยนต์พระที่นั่งออกจากโรงพยาบาลศิริราช ไปยังพระบรมมหาราชวัง หลังจากเสด็จฯ ออกจากโรงพยาบาลศิริราชได้มีฝนโปรยปรายลงมาอย่างเย็นชื่นฉ่ำทั่วพื้นที่โรงพยาบาลศิริราช โดยพสกนิกรต่างกล่าวว่า “เป็นพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมเป็นอย่างยิ่ง ที่ทำให้อากาศในวันนี้ไม่ร้อนอบอ้าวเลย” อีกไม่นานก็มีแดดออกสว่างสดใส

ต่อมาเวลา 10.30 น. รถยนต์พระที่นั่งเทียบที่พระทวารเทเวศรรักษา เสด็จฯ เข้าสู่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงประทับหน้าพระราชอาสน์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับรถนั่งเสด็จฯ ผ่านพระบรมวงศ์ไปหลังพระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธปฎิมาชัยวัฒน์ประจำรัชกาล ที่หน้าพระที่นั่งบุษบกมาลา ทรงคมประทับพระราชอาสน์ เจ้าพนักงานเปิดพระวิสูตร สมเด็จพระราชาคณะถวายศีล พระสงฆ์ 20 รูป ถวายพรพระ

จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ ไปทรงประเคนจตุปัจจัยแทนเครื่องไทยธรรมแด่สมเด็จพระราชาคณะ และทรงยืนประเคนจตุปัจจัยแทนเครื่องไทยธรรม แด่รองสมเด็จพระราชาคณะ และพระราชาคณะ ซึ่งจะเดินเข้าไปรับทั้งหมด 20 รูป จากนั้นประทับพระเก้าอี้ที่เดิม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา ออกจากพระที่นั่งไปรับพระราชทานฉันที่หอนิเพทพิทยา เจ้าพนักงานปูลาดผ้าแดง เตรียมการเวียนเทียน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ที่เจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญไปถวายที่พระราชอาสน์ ทรงคม เจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญไปตั้งที่หน้าพระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร ซึ่งประดิษฐานเครื่องสิริราชกกุธภัณฑ์ บูชาเทพยดารักษานพปฎลมหาเศวตฉัตร สิริราชกกุธภัณฑ์ พราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนสมโภชนพปฎลมหาเศวตฉัตร สิริราชกกุธภัณฑ์ พนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร บัณเฑาะว์ และดุริยางค์ พราหมณ์เจิมนพปฎลมหาเศวตฉัตร โหรผูกผ้าสีชมพู

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้  สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ ไปทรงพระสุหร่ายเครื่องสิริราชกกุธภัณฑ์ ที่พระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร และพระราชลัญจกร พระครุฑพ่าห์ทองคำประจำรัชกาล ประทับพระเก้าอี้เดิม เจ้าพนักงานปิดพระวิสูตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับรถนั่ง ทรงคมไปยังหน้าพระที่นั่งบุษบกมาลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินออกจากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย โดยประทับรถยนต์พระที่นั่ง ที่พระทวารเทเวศรรักษา เสด็จพระราชดำเนินกลับโรงพยาบาลศิริราช

จากนั้น เวลา 11.59 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จพระราชดำเนินเข้าที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งตลอดเส้นทางพระราชดำเนินกลับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระเกษมสำราญและและทรงโบกพระหัตถ์ให้กับพสกนิกร ตลอดเส้นทางอีกด้วย

ต่อมา เวลา 12.00 น. ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ได้ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติ ฝ่ายละ 21 นัด

ทั้งนี้ ในวันที่ 5 พ.ค.เป็นวันที่ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ โดยประกอบการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามโบราณขัตติยราชประเพณี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปิดปราสาทพระเทพบิดร ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อให้พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการและประชาชน ได้ถวายบังคมสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.

ส่วนบรรยากาศที่โรงพยาบาลศิริราชช่วงเช้า ได้มีประชาชนจำนวนมากจากทั่วทุกสารทิศพร้อมใจกันสวมเสื้อสีชมพู เข้ามาจับจองพื้นที่ตั้งแต่บริเวณที่เรือวังหลัง ติดกับประตูทางออกของโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งเป็นเส้นทางที่เสด็จพระราชดำเนินผ่าน  เช่นเดียวกับที่บริเวณด้านในโรงพยาบาลศิริราช โดยเฉพาะห้องโถงชั้นล่างของอาคารเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเป็นอาคารที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประทับ และที่บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ประชาชนจำนวนมากต่างมาจับจองพื้นที่ตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 พ.ค.เป็นต้นมา

ขณะเดียวกันที่บริเวณศาลาศิริราช 100 ปี สถานที่เป็นที่ลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งขณะนี้ทางสำนักพระราชวังได้ประกาศงดลงนามถวายพระพร แต่ก็ยังมีประชาชนทั่วทุกสารทิศ ต่างมาถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกและเป็นภาพแห่งความทรงจำตลอดไป ที่หน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นจำนวนมาก

นางเหร็ก ทันตาหะ อายุ 88 ปี ชาวจังหวัดอุดรธานี กล่าวด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น ว่าในวันนี้ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จที่ใกล้ชิดที่สุดในชีวิต ดีใจและตื้นตันใจมาก ในชีวิตนี้ไม่มีอะไรที่ดีที่สุดและไม่สามารถบรรยายได้อีกแล้ว เมื่อเห็นพระองค์ท่านทำให้มีกำลังใจกับตัวเองและคงต่ออายุชีวิตตัวเองได้อีกยาวนาน ขอให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง ขอให้พระองค์ทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตราบนานเท่านาน ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น