วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2555

ช็อกผู้ชายลงมือทำร้ายผู้หญิงตายปีละ200-300คน


วันนี้ ( 25 มี.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์  พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดเสวนาหัวข้อ “เสียงจากผู้หญิง...ถึงนายกฯหญิง” โดยมีผู้ร่วมเสวนาคือนางธนวดี ท่าจีน กรรมการและเลขานุการมูลนิธิเพื่อนหญิง   น.ส.วิไลวรรณ แซ่เตีย รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองคณบดี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ น.ส.จันทวิภา อภิสุข ประธานมูลนิธิเอ็มพาวเวอร์(ศูนย์พิทักษ์สิทธิหญิงบริการ) โดยมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเปิดงานว่า ในช่วงที่เป็นนายกฯ ได้ติดตามปัญหาเรื่องความไม่เท่าเทียมและความไม่เป็นธรรม โดยสิ่งที่ค้นพบเหตุผลที่ทำให้ผู้หญิงไม่ก้าวหน้าในทุกอาชีพเป็นเพราะภาระจากครอบครัว ตนจึงส่งเสริมสถานดูแลเด็กเล็กในสถานประกอบการ หรือการประกอบอาชีพแรงงานอิสระ แรงงงานนอกระบบ ไม่มีระบบประกันสังคม ก็นำเข้าสู่ระบบประกันสังคม สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการพิจารณาเรื่องการให้ผู้ชายลาไปช่วยดูแลลูกได้ก็เป็นความต่อเนื่องที่รัฐบาลได้ดำเนินการให้

 นางธนวดี กล่าวว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงแต่ละปีสูง กว่า 2.7 หมื่นคน  มีแนวโน้มสูงและซับซ้อนขึ้น เสียชีวิตเพราะสามีทำร้าย 2-300 คนต่อปี ความรุนแรงทางเพศมีความเสียหายที่เป็นกลุ่มเด็กเพิ่มขึ้น ทั้งการถูกคุกคามทางเพศ ตนคาดหวังให้นายกรัฐมนตรีมีความตั้งใจทำเรื่องผู้หญิงอย่างจริงจังมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงกฎหมาย หรือการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน แต่กลับไปทำเรื่องกองทุนพัฒนบทบาทสตรี แม้เราจะเห็นด้วย แต่กลับไม่มีการบูรณาการหรือเปิดโอกาสให้ภาคส่วนต่าง ๆ ได้เข้ามามีส่วนร่วม โดยมีข้อเสนออยากให้ 80% เน้นเรื่องการพัฒนาศักยภาพ 20 % ให้มีระบบเงินหมุนเวียน แต่รัฐบาลกลับกำหนดให้ 70% ของกองทุนเป็นเรื่องกู้ยืม 30 % เป็นการพัฒนาศักยภาพ ซึงเครือข่ายผู้หญิงเคยรวมตัวไปยื่นหนังสือถึงนายกให้ทบทวนและรอคำตอบอยู่คือ การจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนกองทุนให้เชิญองค์กรภาคประชาชนและองค์กรผู้หญิง องค์กรท้องถิ่น และ หน่วยงานรัฐ เข้ามามีส่วนร่วม หากยังทำตามกรอบเดิมมีผลกระทบแน่นอน เพราะขณะนี้ยอดสมัครแค่ 5 ล้าน จากผู้หญิงทั้งหมด  33 ล้าน อีก 28 ล้านหายไปจากระบบการเป็นสมาชิก อีก 28 ล้านคนเข้าไปไม่ถึงกองทุน ซึ่งอาจขัดรัฐธรรมนูญ และเตรียมที่จะฟ้องศาลปกครองให้คุ้มครองชั่วคราว เนื่องจากผู้หญิงควรมีสิทธิในกองทุนโดยไม่ต้องสมัครเป็นสมาชิก                

น.ส.วิไลวรรณ กล่าวว่า ขณะนี้แรงงานหญิงของประเทศไทยมีภาระรับผิดชอบหลายด้าน ทั้งเรื่องการประกอบอาชีพเพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัวและภาระเรื่องการดูแลบุตร ดังนั้นควรมีการให้การดูแลที่ดีทั้งในเรื่องการคลอดบุตร เลี้ยงดูบุตร หรือแม้แต่เรื่องการให้ความดูแลบุตรในสถานประกอบการ รัฐบาลต้องลงมาดูแล โดยเฉพาะปัญหาเรื่องการว่างงานของผู้หญิงหลังเกิดอุทกภัย ซึ่งยังมีแรงงานหญิงอยู่ในภาวะตกงานเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการดูแลจากรัฐบาล

น.ส. จันทวิภา กล่าวว่า ตอนนี้หญิงขายบริการมักถูกตำรวจล่อซื้อแล้วมีการแก้ผ้า เป็นเจ้าหน้าที่รัฐทำอย่างนี้รุนแรงเกินไปหรือไม่ ถือเป็นการทำร้ายประชาชน ละเมิดสิทธิ์ประชาชน การจับกุมควรใช้วิธีทางสังคมมากกว่าทางกฎหมาย เพราะการใช้กระบวนการทางกฎหมายไม่ได้ให้ความรู้อะไรเพิ่ม นอกจากนี้การทำแท้ง ก็กระทำเหมือนเป็นอาชญากร ไปถ่ายเตียง เห็นเลือด ทำเพื่ออะไร วิธีแก้ไขปัญหาทำแท้งตอนนี้ไม่มี เราจะไม่มีหมอที่มาคอยดูแลผู้หญิง เราจะไม่มีคลีนิคที่มีมาตรฐานในการดูแลผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ไม่พึ่งประสงค์ เพราะการทำแท้งถูกมองว่าผิดกฎหมาย การแก้ไขปัญหาแบบนี้อาจจะไม่ทันสมัย เพราะผู้หญิงต้องเสียเงินจำนวนมากในการทำแท้งแต่กลับไม่ได้รับการดูแลให้ปลอดภัยจากหมอที่มีประสบการณ์ เพราะหากหมอทำก็ผิดกฎหมาย ทั้งที่เราไม่ควรไปจับหมอที่มาช่วยดูแลสุขภาพที่ดีของผู้หญิง

แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น