วันนี้(27 มี.ค. )นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวถึงการสอบสวนคดีลักลอบนำยาแก้หวัดที่มีสารซูโดอีเฟดรีนออกจากโรงพยาบาลจำนวนมากว่า ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ อินทร์ขาว ผบ.สำนักคดีความมั่นคง ประสานให้สถานีตำรวจ 7 แห่งของสถานที่เกิดเหตุส่งสำนวนการสอบสวนมาให้ดีเอสไอ เนื่องจากที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) ที่มีร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานได้มีมติให้รับเป็นคดีพิเศษแล้ว ส่วนที่มีข้อกังวลเรื่องการวิ่งเต้นล้มคดี ตนขอยืนยันความโปร่งใสในการสอบสวนของดีเอสไอซึ่งทุกคดีจะสอบสวนในรูปคณะกรรมการมีการสนธิกำลังให้ตำรวจ กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) และพนักงานอัยการเข้าร่วมการสอบสวนคล้ายกับคดีก่อการร้าย โดยในวันพรุ่งนี้(28 มี.ค.) ตนจะเข้าพบกับนพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายพสิษฐ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารมว.สาธารณสุข เพื่อหารือถึงการสนธิกำลังตรวจสอบทั้งโรงพยาบาลของรัฐ โรงพยาบาลเอกชน คลินิก และบริษัทยาที่มียอดการสั่งใช้มากผิดปกติ
นายธาริต กล่าวว่าในวันเดียวกันนี้ได้มอบหมายให้นายทวีวัฒน์ สุรสิทธิ์ รักษาการพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ชำนาญการพิเศษ สำนักคดีความมั่นคง ไปขอข้อมูลการสั่งซื้อยาแก้หวัดของรพ.นวมินทร์ 9 เนื่องจาก อย. พบข้อมูลความต่างในการรายงานยอดสั่งซื้อยาแก้หวัดประมาณ 300,000 เม็ด จึงขอให้เจ้าหน้าที่รพ.ชี้แจงส่วนต่างที่ไม่ตรงกัน นอกจากนี้ขอให้ผู้ที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำยาออกจากระบบของรพ.เข้าให้ข้อมูลกับดีเอสไอเพื่อกันตัวไว้เป็นพยาน
นายธาริต กล่าวอีกว่า ล่าสุดดีเอสไอได้ทำหนังสือถึงพนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษเพื่อส่งพนักงานอัยการเข้าร่วมการสอบสวนและส่งหนังสือถึงสถานีตำรวจภูธร 7 แห่ง ได้แก่ สภ.เมืองอุดร , สภ.กมลาไสย , สภ.ภูสิงห์ , สภ.สันกำแพง , สภ.ฮอด , สภ.ดอยหล่อ และสภ.ทองแสนขัน ให้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีซูโดอีเฟดรีนให้ดีเอสไอภายใน 3 วัน โดยดีเอสไอจะส่งเจ้าหน้าที่ออกไปรับสำนวนใน 7 ท้องที่ ในวันที่ 30 มี.ค.นี้ นอกจากนี้ยังทำหนังสือถึงหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้ส่งเจ้าหน้าที่มาสนธิกำลังสอบสวนคดี ประกอบด้วย อย. , สธ. , สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) , สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) , สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) , สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โดยจะนัดการประชุมวางแผนงานร่วมกันอย่างเป็นทางการในวันจันทร์ที่ 2 เม.ย.เวลา 14.00 น.
ด้านนายทวีวัฒน์ กล่าวว่า จากการสอบถามข้อมูลการสั่งซื้อยาของรพ.นวมินทร์ 9 พบว่ามีความแตกต่างจากรพ.ทั่วไป เนื่องจากเป็นรพ.เอกชนจึงมีระบบบริหารและจัดซื้อของตัวเอง ดังนั้นดีเอสไอจะตรวจสอบความผิดปกติได้จากยอดการสั่งซื้อและสั่งจ่ายยาในระบบเมื่อตรงกันก็ถือว่าไม่มีความผิดปกติ ซึ่งในส่วนของรพ.นวมินทร์ 9 มีการจัดซื้อยากับบริษัท โอสถอินเตอร์แลบบอราทอรี่ส์ จำกัด โดยรพ.นวมินทร์ 9 เป็นศูนย์กลางการสั่งซื้อยาให้กับรพ.เครือข่ายคือ รพ.นวมินทร์ 1 และคลินิกเครือข่ายอีก 13 แห่ง ซึ่งมีเจ้าหน้าห้องยาเป็นผู้ดูแลคลังยาศูนย์กลางก่อนจะกระจายยาไปยังรพ.นวมินทร์ 1 ซึ่งจะมีเภสัชกรเป็นผู้ดูแล อย่างไรก็ตาม รพ.นวมินทร์ 9 ชี้แจงถึงยอดการสั่งยาที่ไม่ตรงกันว่าเกิดจากความผิดพลาดในการรายงานของบริษัทต่ออย. เพราะบริษัทรายงานยอดรวมว่ายอดสั่งซื้อจำนวน 650,000 เม็ดเป็นของรพ.นวมินทร์ 9 ทั้งที่จริงแล้วยาถูกนำมาแบ่งให้รพ.นวมินทร์ 1 จำนวน 300,000 เม็ด เบื้องต้นทราบว่าบริษัทโอสถฯได้ทำหนังสือรับรองและเข้าชี้แจงกับอย.ไปเมื่อวันที่ 26 มี.ค.แล้ว
นายยุทธภูมิ มีประดิษฐ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบริหารที่เป็นผู้รับผิดชอบคลังยาของรพ.นวมินทร์ 9 ยืนยันว่ายอดจากสั่งซื้อยาที่มีความแตกต่างกันเกิดจากความผิดพลาดในการรายงานของบริษัทโอสถฯ เนื่องจากทางบริษัทรายงานยอดรวมการสั่งซื้อทั้งของรพ.นวมินทร์ 1 และนวมินทร์ 9 โดยยอดการสั่งซื้อของรพ.นวมินทร์ 9 มีจำนวน 350,000 เม็ด ขณะที่ยอดการสั่งซื้อของรพ.นวมินทร์ 1 มีจำนวน 300,000 เม็ด ซึ่งขณะนี้บริษัทโอสถฯได้ชี้แจงข้อเท็จจริงกับอย.แล้วแต่ยังไม่ทราบว่าผลการชี้แจงเป็นอย่างไร
อย่างไรก็ตามในส่วนของรพ.นวมินทร์ 9 ซึ่งเปิดให้บริการมา 3 ปี มียอดผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ยอดการสั่งยอดต้องเพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้ป่วย ทั้งนี้ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับการสั่งจ่ายยาดังกล่าวแต่ยอมรับว่ารพ.ไม่เคยเห็นยอดการสั่งยาที่บริษัทโอสถแจ้งกับอย. สำหรับสต๊อกยาของรพ.นวมินทร์ 9 ขณะนี้เหลือยาอยู่ประมาณ 190,000 เม็ด โดยล่าสุดอย.ได้กันยาไว้ 100,000 เม็ด แต่หากรพ.ต้องการสั่งจ่ายยาให้ผู้ป่วยเพิ่มก็สามารถขออนุญาตจากทางอย.ได้ครั้งละ 50,000 เม็ด.
แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น